มติ ครม. ลดภาษี รถกระบะ รถยนต์ไฟฟ้า แก้ไขปัญหาฝุ่นละออง แนะปรับเครื่องยนต์รับเติมดีเซล B20 ปล่อย PM ไม่เกิน 0.005 เก็บภาษีลดลง พร้อมยกเว้นภาษีรถยนต์ไฟฟ้าก่อนปี 2566 ยอมสูญเสียรายได้เข้ารัฐ 1,300 ล้าน แลกกับสภาพสิ่งแวดล้อมทางอากาศที่ดีขึ้น
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อยกระดับมาตรฐานการปล่อยมลพิษจากท่อไอเสียรถยนต์กระบะ และรถยนต์ไฟฟ้า ที่ทางกระทรวงการคลังนำเสนอ โดยในส่วนรถยนต์กระบะเครื่องยนต์ดีเซลที่มีค่า PM ไม่เกิน 0.005 กรัมต่อกิโลเมตร หรือใช้เครื่องยนต์ที่สามารถใช้น้ำมัน B20 ได้ จะได้รับการปรับลดภาษีสรรพสามิตลงประมาณ 0.5-2% ส่วนรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOT จะได้รับการปรับลดภาษีสรรพสามิต จากที่ได้รับการส่งเสริมที่อัตราภาษี 2% จะเหลือ 0% ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 จนถึง 31 ธันวาคม 2565 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 3 ปี หลังจากนั้นในช่วง วันที่ 1 มกราคม 2566 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ให้กลับมาใช้อัตราภาษีเดิมที่ 2% ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้มีการผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการปรับลดภาษีในครั้งนี้คาดอาจทำให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 1,300 ล้านบาทต่อปี
ตามที่รัฐบาลกำหนดนโยบายการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 – PM10 ให้เป็นวาระแห่งชาติ และได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดลำดับความแร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง กรมสรรพยามิต กระทรวงการคลังได้นำปัจจัยเรื่องการปล่อยมลพิษฝุ่น PM มาเป็นหลักในการกำหนดอัตราภาษีควบคู่กับหลักการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่ใช้อยู่เดิม มาตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งมาตรการหลักการจัดเก็บภาษีตามอัตราการปล่อย CO2 จะมีส่วนช่วยลดปัญหาก๊าซเรือนกระจก แต่ไม่ครอบคลุมถึงมลพิษจากท่อไอเสียที่ก่อให้เกิดปัญหาฝุ่นควันและมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล์ เช่น รถกระบะ ในปัจจุบันรถยนต์ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศต้องมีการทดสอบค่ามลพิษโดยอ้างอิงตามมาตรฐานยูโร 4 ซึ่งกำหนดให้ใช้เครื่องยนต์ดีเซล์ที่ปล่อยฝุ่น PM ได้ไม่เกิน 0.025 กรัมต่อกิโลเมตร
ดังนั้นการยกระดับมาตรฐานการปล่อยมลพิษจากท่อไอเสียของรถยนต์จากมาตรฐานยูโร 4 ที่ใช้ในปัจจุบัน มาเป็นการใช้มาตรฐานยูโร 5 ให้เร็วขึ้น จะช่วยลดอัตราการปล่อยฝุ่นจากท่อไอเสียของรถยนต์รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นผลดีต่อสภาพแวดล้อมและมีความคุ้มค่ากับการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม ประกอบกับการนโยบายสนับสนุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ให้ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฟฟ้าจากเดิม 8% เป็น 2% ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ามีราคาที่สูงเมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปในขนาดที่ใกล้เคียงกัน กรมสรรพสามิตจึงเห็นควรให้สนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนด้วยอัตราภาษีพิเศษ เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าไม่ก่อให้เกิดมลพิษจากท่อไอเสีย
สำหรับการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์กระบะ จัดเก็บภาษีทั้งหมด 4 ประเภท คือ
รถยนต์กะบะไม่มีแค็ป (No Cab) การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร โครงสร้างภาษีปัจจุบัน (ค่า CO2) เก็บภาษีในอัตรา 2.5% ส่วนโครงสร้างภาษีใหม่ (ค่า C02 และค่า PM) นั้น หากมีค่า PM เกิน 0.005 คิดอัตราภาษีที่ 2.5% แต่หากค่า PM ไม่เกิน 0.005 หรือสามารถใช้น้ำมันดีเซล B20 ได้ จะคิดอัตราภาษีที่ 2% ส่วนรถยนต์ที่ปล่อยปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร โครงสร้างภาษีปัจจุบัน (ค่า CO2) เก็บภาษีในอัตรา 4% ส่วนโครงสร้างภาษีใหม่ (ค่า C02 และค่า PM) นั้น หากมีค่า PM เกิน 0.005 คิดอัตราภาษีที่ 4% แต่หากค่า PM ไม่เกิน 0.005 หรือสามารถใช้น้ำมันดีเซล B20 ได้ จะคิดอัตราภาษีที่ 3%
รถยนต์กระบะ (Space Cab) การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร โครงสร้างภาษีปัจจุบัน (ค่า CO2) เก็บภาษีในอัตรา 4% ส่วนโครงสร้างภาษีใหม่ (ค่า C02 และค่า PM) นั้น หากมีค่า PM เกิน 0.005 คิดอัตราภาษีที่ 4% แต่หากค่า PM ไม่เกิน 0.005 หรือสามารถใช้น้ำมันดีเซล B20 ได้ จะคิดอัตราภาษีที่ 3% และในส่วนรถยนต์ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีก 2%
รถยนต์กระบะ 4 ประตุ (Double Cab) การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร โครงสร้างภาษีปัจจุบัน (ค่า CO2) เก็บภาษีในอัตรา 10% ส่วนโครงสร้างภาษีใหม่ (ค่า C02 และค่า PM) นั้น หากมีค่า PM เกิน 0.005 คิดอัตราภาษีที่ 10% แต่หากค่า PM ไม่เกิน 0.005 หรือสามารถใช้น้ำมันดีเซล B20 ได้ จะคิดอัตราภาษีที่ 9% และในส่วนรถยนต์ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีก 3%
รถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) แบบผสมที่ใช้เชื้อเพลิงและไฟฟ้า การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่เกิน 175 กรัมต่อกิโลเมตร โครงสร้างภาษีปัจจุบัน (ค่า CO2) เก็บภาษีในอัตรา 8% ส่วนโครงสร้างภาษีใหม่ (ค่า C02 และค่า PM) นั้น หากมีค่า PM เกิน 0.005 คิดอัตราภาษีที่ 8% แต่หากค่า PM ไม่เกิน 0.005 หรือสามารถใช้น้ำมันดีเซล B20 ได้ จะคิดอัตราภาษีที่ 6%
สำหรับการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์แบบพลังงานไฟฟ้า (Electric Powered Vehicle) แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
รถยนต์ EV ที่ไม่ได้รับการส่งเสริมจาก BOI อัตราภาษีปัจจุบัน 8% อัตราภาษีใหม่ระหว่าง 1 มกราคม 2563 – 31 ธันวาคม 2565 และอัตราภาษีใหม่ ระหว่าง 1 มกราคม 2566 – 31 ธันวาคม 2568 อยู่ที่ 8% เท่ากับภาษีในปัจจุบัน
รถยนต์ EV ที่ได้รับการส่งเสริมจาก BOI อัตราภาษีปัจจุบัน 2% อัตราภาษีใหม่ระหว่าง 1 มกราคม 2563 – 31 ธันวาคม 2565 ที่ 0% และอัตราภาษีใหม่ ระหว่าง 1 มกราคม 2566 – 31 ธันวาคม 2568 อยู่ที่ 2%